ผู้อำนวยการสร้าง God of War เผยว่า Sony Santa Monica ตัดสินใจขมวดเรื่องราวของตำนาน Norse ให้จบในภาคใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ นั่นก็คือ God of War Ragnarok เนื่องจากเวลาที่ใช้สำหรับสามภาคนั้นดูจะมากเกินไป
หลังจากที่เปิดตัวเกมภาคต่อไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ทางสตูดิโอได้ยืนยันแล้วว่า God of War Ragnarok จะสานต่อเรื่องราวของตำนาน Norse จนจบโดยเริ่มจาก God of War ปี 2018 และมีกำหนดการวางจำหน่ายบน PS4 และ PS5 ในปี 2022 โดยคราวนี้ได้ Eric Williams เข้ามาเป็นผู้อำนวยการเกมแทนที่ Cory Barlog ผู้อำนวยการคนเก่าของ God of War ภาคปี 2018
Barlog ได้ให้ข้อมูลผ่านช่อง Youtube ในชื่อ Kaptain Kuba ถึงการตัดสินใจรวมเรื่องราวของตำนาน Norse ให้จบในสองภาคนี้ว่า Santa Monica Studio ไม่อยากจะให้ผู้เล่นต้องรอนานถึง 15 ปีกว่าจะได้เล่นครบทั้งสามภาค
“ผมคิดว่าเหตุผลที่สำคัญเลยก็คือ เกมภาคแรกได้ใช้เวลาในการสร้างไปแล้วถึง 5 ปี ส่วนเกมภาคที่สอง ผมไม่แน่ใจว่ามันจะใช้เวลานานเท่าไร แต่ผมคิดว่ามันก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก แล้วถ้าภาคสามยังใช้เวลาเท่าเดิมอีก มันแทบจะเป็นครึ่งค่อนอายุขัยเลยนะครับ การที่เกมเรื่องเดียวใช้เวลานานถึง 15 ปี ผมว่ามันดูจะยืดเยื้อเกินไปหน่อย”
เขายังเสริมอีกว่า “ผมรู้สึกว่าเราเรียกร้องมากไป หากจะบอกว่าเกมจำเป็นต้องยาวนานขนาดนั้นจริงๆ ผมคิดว่าอันที่จริงแล้วเราสามารถใส่เนื้อหาพวกนี้เข้าไปในภาคสองได้เลย
“เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เราพยายามจะทำมาตลอดก็คือเล่าเรื่องราวของ Kratos และ Atreus และแกนหลักของเรื่องก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน แต่ระหว่างนั้นก็มีเรื่องราวและความซับซ้อนเกิดขึ้นเหมือนกับระลอกคลื่นในบ่อน้ำ
“ซึ่งกลายเป็นว่าเราได้ทำให้มันแผ่ออกไปเป็นมหาสมุทรกว้างไกลหลายพันไมล์ แต่นั่นมันจำเป็นจริงๆ หรอ มันเป็นประโยชน์ต่อเกมจริงๆ หรอ ผมคิดว่าบางทีมันก็ออกทะเลไปไกลแล้ว สุดท้ายดูเหมือนว่าเราได้หลงทางออกจากเนื้อหาเดิมที่เราเคยตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก”
Barlog ยังกล่าวเพิ่มว่า “การที่เรากระชับมันขึ้น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับตอนที่ผมได้รับ Box Set ของ The Lord of the Rings ฉบับ Extended Edition มาดู ผมถึงกับร้องว่า ว้าว นี่ผมจะได้นั่งลงดูมัน 13.5 ชั่วโมงกลับไปกลับมาเต็มๆ ผมคิดว่ามันยอดเยี่ยมและน่าทึ่งมากๆ เลยครับ
“ผมอยากให้คุณได้นั่งลงแล้วเริ่มเล่น God of War ภาคปี 2018 และต่อด้วย God of War Ragnarok โดยที่รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และผมอยากจะเห็นมันก่อนที่ลูกของผมจะโตจนเข้ามหาวิทยาลัยได้ครับ”
Sony ได้ปล่อยวิดีโอตัวอย่างของ God of War Ragnarok ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเหตุการณ์ในภาคนี้ได้เกิดขึ้น 2-3 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคก่อนหน้า ในคราวนี้ ลมหนาวจาก Fimbulwinter ได้พัดผ่านมาสู่ Midgard แล้ว
ผู้เล่นจะสามารถไปยังอาณาจักรทั้งเก้าใน Ragnarok ได้ จากเดิมที่ผู้เล่นจะสามารถเข้าถึงได้เพียงหกอาณาจักร คราวนี้จะมี Vanaheim, Svartalfheim, และ Asgard เพิ่มเข้ามาด้วย และสถานที่ต่างๆ ในเกมภาคก่อนก็จะมีพื้นที่ใหม่ๆ เปิดให้เราเข้าไปสำรวจอีกเช่นกัน
นอกจากนี้ Grace Orlady ผู้จัดการอาวุโสของ Santa Monica Studio ยังได้ให้บทสรุปเกี่ยวกับเรื่องย่อของเกมไว้ใน PlayStation Blog ดังนี้
“ขณะที่เกมภาคก่อนนั้นเน้นไปที่ความไว้เนื้อเชื่อใจและความเข้าใจระหว่างพ่อกับลูกชาย แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ซับซ้อนมาก โดยเฉพาะความเกี่ยวพันระหว่างสายเลือดยักษ์ของ Atreus และคำพยากรณ์ลับที่มีเพียง Kratos เท่านั้นที่รู้
“Atreus มีความอยากรู้อยากเห็นมาก เหมือนกับคนหนุ่มสาวทั่วไป เขาอยากรู้ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ ยิ่งไปกว่าอะไรทั้งหมด เขาอยากรู้ว่าเขาสามารถที่จะเป็นอะไรได้ เรื่องราวของ Loki กับความขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นอะไรที่ Atreus ไม่สามารถปล่อยวางได้ เขาต้องการให้ครอบครัวของเขาปลอดภัย แต่เขาก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ ขณะที่ความบาดหมางนี้กำลังกัดกินอาณาจักรทั้งเก้าอยู่
“Kratos เองก็กำลังแบกรับผลจากความผิดพลาดในอดีตของเขา เขาอยากจะให้ Atreus ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความบาดหมางของเขากับเหล่าทวยเทพ แต่เหนืออื่นใด เขาอยากให้ลูกชายของเขาปลอดภัย และการเผชิญหน้ากับ Baldur ก็รังแต่จะตอกย้ำความเชื่อที่ว่าการเข้าไปพัวพันกับ Aesir จะนำมาเพียงโศกนาฏกรรม
“ทั้ง Kratos และ Atreus จะต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง และทางที่พวกเขาเลือกนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตาของทุกชีวิตในเก้าอาณาจักร Ragnarok”
อ้างอิง: https://www.videogameschronicle.com/news/god-of-war-is-ending-its-norse-story-because-we-didnt-want-to-spend-15-years-on-a-trilogy
.
Comentários