![](https://static.wixstatic.com/media/f83d9f_d1741420c284483992b81081fb409ca8~mv2.jpg/v1/fill/w_980,h_490,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_avif,quality_auto/f83d9f_d1741420c284483992b81081fb409ca8~mv2.jpg)
ในปี 2017 เกม Resident Evil 7 ได้นำตำนานความสยองขวัญของ Capcom กลับมาอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานหลายปี และเมื่อต้นปี 2021 นี้เอง Resident Evil Village ก็ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเกมยอดเยี่ยมแห่งปี จากการรวมเอาการต่อสู้และความสยองขวัญเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปถึงจุดพลิกผันสำคัญ
อย่างไรก็ตาม คงเป็นเวลาอีกสักระยะกว่าเราจะได้เห็น Resident Evil 9 (หรือชื่ออะไรก็ตามแต่ที่ Capcom จะตั้ง) และเมื่อถึงวันนั้น แฟนเกมอย่างเราคงอดไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรบ้างจากเกม รวมถึงอะไรที่เราไม่อยากเห็น
และนี่คือ 7 เรื่องที่ไม่อยากเห็นใน Resident Evil 9 จากเว็บ Gomingbolt
หมายเหตุ: ต่อไปนี้อาจมีการสปอยล์เนื้อหาของเกม Resident Evil Village
1. เน้น Action มากเกินไป
มาเริ่มจากสิ่งที่เห็นชัดๆ กันก่อนเลย เกมชุด Resident Evil มักมีปัญหาเรื่องการเน้นฉาก Action มากเกินไป อันที่จริงแล้วสาเหตุที่ Resident Evil 7 ต้องกลับไปทบทวนโครงสร้างตัวเองใหม่ก็เป็นเพราะแนวโน้มของฉาก Action นั้นดูจะมีมากเกินไปใน Resident Evil 6 นั่นเอง ถึงตอนนี้เราอาจจะอนุมานได้แล้วว่า Capcom ได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้แล้ว และพวกเขาคงจะไม่ทำพลาดแบบเดิมอีกในเกมภาคต่อไป แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ในภาค Village นั้นก็เน้น Action มากกว่าใน Resident Evil 7 พอสมควร แต่ก็ยังดีที่มีความเป็น Action horror มากกว่าที่จะเป็น Action บู๊ล้างผลาญเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อพิจารณาจากการจบลงของภาค Village นั้น เป็นไปได้ว่า Capcom จะพาตัวเองตกหลุมพรางเดิมๆ อีก ประเภทที่ว่า “ทำให้มันยิ่งใหญ่กว่านี้ ใส่ระเบิดลงไปอีก” เราคงได้แต่หวังว่าพวกเขาจะหาสมดุลได้ และเน้นสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเกมชุดนี้จริงๆ แทน
2. น่ากลัวน้อยไป
นี่ก็เป็นผลพวงมาจากข้อที่แล้วเช่นเดียวกัน เมื่อเพิ่มการต่อสู้มากขึ้น ความน่ากลัวก็จะหดหายไป แต่ถึงแม้ว่าจะใส่ฉาก Action มาในปริมาณที่พอรับได้แล้ว แต่ความน่ากลัวก็ยังอาจจะน้อยเกินไปได้อยู่ดี ดูจาก Resident Evil Village เป็นตัวอย่าง ถ้าไม่นับตัวบ้านที่ดูหลอนๆ นั้น ก็แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ถึงแม้ว่าความน่ากลัวนั้นจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคนก็ตาม แต่ Resident Evil Village ได้เน้นไปที่ฉาก Action ระทึกขวัญมากกว่าที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกหลอนไปกับเกม เมื่อเทียบกับ Resident Evil 7 อันแสนน่าขนลุกหรือ Resident Evil 2 ที่ทำให้เราเกร็งได้ทุกขณะจิต จะเห็นได้ชัดเลยว่าความหลอนนั้นถูกลดลงไปมาก เราหวังว่า Resident Evil 9 จะกลับไปโฟกัสกับความ Horror มากขึ้น
3. ไม่ใส่ใจ The Connections
นี่เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมาก และแฟนเกมทุกคนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกัน Resident Evil มีปัญหาในการปั้นศัตรูหลักตัวใหม่ๆ ให้กับเกม นับตั้งแต่ Albert Wesker ถูกฆ่าตายใน Resident Evil 5 เราก็ไม่ได้มีตัวร้ายที่สมศักดิ์ศรีอีกเลย ทั้งๆ ที่เกมมีโอกาสมากมายที่จะนำเสนอวายร้ายตัวใหม่ แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น ใน Resident Evil 7 และส่วนขยายนั้น มีกลุ่มอาชญากรชื่อ The Connections ซึ่งจากการปูเรื่องนั้นทำให้เราเข้าใจว่ากลุ่มอาชญากรนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นภัยคุกคามสำคัญระดับโลกแน่นอน แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้นสักที พวกเขายังคงเป็นเพียงองค์กรลึกลับในเงามืดที่เราแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลย เราได้พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรและผู้นำขององค์กรนี้ แต่ข้อมูลเหล่านี้กลับอยู่ใน Baker Incident Report ที่จะได้รับเมื่อซื้อเกมแบบ Deluxe Edition หรือซื้อเป็นส่วน DLC แยกเท่านั้น เราจึงหวังว่าจะได้เห็นบทบาทและข้อมูลของ The Connections มากขึ้นในเกมภาคต่อไป
4. ตัวละครใหม่ๆ ที่น่าสนใจตาย
การตัดสินใจเลือกว่าตัวละครตัวไหนควรตาย ตัวไหนควรอยู่ต่อนั้น เป็นเรื่องที่รักษาสมดุลได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมชุดที่สร้างมาต่อเนื่องยาวนานอย่างนี้ เมื่อเดิมพันสูงขึ้นและโลกทั้งใบเต็มไปด้วยเหล่าสัตว์ประหลาด ตัวละครบางตัวก็จำเป็นต้องตาย ไม่อย่างนั้น ทุกอย่างก็จะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ถ้าตัวละครสำคัญถูกฆ่ามากเกินไป เกมก็จะเสียตัวละครที่มีบุคลิกความน่าสนใจไปอีก ที่ผ่านมา Resident Evil รับมือกับเรื่องนี้ได้ค่อนข้างดี แต่ก็มีบางครั้งที่เรารู้สึกเสียดายกับการตายของตัวละครดีๆ บางตัว อย่างใน Resident Evil 7 ที่ Jack และ Lucas Baker ดูมีศักยภาพมากพอที่จะกลายมาเป็นตัวละครหลักได้ แต่พวกเขาก็ตายไปเสียก่อน เช่นเดียวกันกับใน Resident Evil Village ที่เรารู้สึกว่า Lady Dimitrescu และ Karl Heisenberg เป็นตัวร้ายที่เหมาะมากทีเดียว แต่สุดท้าย พวกเขาก็ไม่รอดอยู่ดี สำหรับ Resident Evil 9 เราจึงคาดหวังว่าเกมจะเก็บตัวละครดีๆ ที่มีศักยภาพเช่นนั้นไว้ยาวๆ
5. ไม่ใส่ใจเรื่องเวลา
Resident Evil Village จบลงด้วยการตัดข้ามช่วงเวลาอย่างมีนัยสำคัญ และแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใส่ใจจุดนี้ในเกมตอนต่อไป ถึงแม้ว่า Capcom จะได้วางโครงเรื่องเกมในอนาคตไว้แล้ว แต่ Resident Evil ก็ขึ้นชื่อเรื่องการปูพื้นมาอย่างดีแล้วก็ทิ้งมันไปเสียเฉยๆ เราจึงได้แต่หวังว่าเนื้อเรื่องของ Resident Evil 9 จะเน้นไปที่ Rose และช่วงเวลาที่ตัดข้ามมานี้ และกาลเวลาได้ส่งผลกระทบอะไรบ้างต่อตัวละครโปรดของแฟนๆ (อย่างเช่น Christ) อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่า Rose อาจจะแค่โตพรวดพราดขึ้นมาเฉยๆ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแสดงว่าไม่ได้มีการตัดข้ามช่วงเวลาอย่างที่เราเข้าใจ
6. ไม่ใส่ใจ Mia Winters
ในช่วงใกล้จบตอนของเกม Resident Evil Village นั้น Ethan Winters ตาย และลูกสาวของเขา Rose กำลังเตรียมพร้อมเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนต่อไป อย่างไรก็ตาม เราไม่อยากให้เกมฉายสปอตไลท์ไปที่ Rose เพียงคนเดียว แต่เรายังอยากเห็น Mia ผู้ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเนื้อเรื่องตั้งแต่ที่เธอได้ปรากฎตัวออกมา มีบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Mia โดยเฉพาะความขุ่นเคืองของเธอที่มีต่อ Chris หลังจากการตายของ Ethan และถ้า The Connections ได้กลายมามีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นใน Resident Evil 9 จริงๆ Mia ผู้ซึ่งเคยเป็นอดีตสมาชิกของ The Connections ก็ถือว่าเป็นตัวละครที่น่าสนใจมากๆ
7. อุปกรณ์ในกระเป๋า
สุดท้าย เราอยากจะจบด้วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างกระเป๋าเอกสารสไตล์ Tetris ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Resident Evil 4 ซึ่งแม้จะใช้งานได้ดี แต่เราก็หวังว่า Capcom จะกลับไปใช้ระบบ item box เหมือนเดิม เนื่องจากระบบการจัดเก็บอุปกรณ์นั้นสำคัญมากสำหรับเกม Resident Evil แต่ในภาค Village ดูเหมือนจะไม่ได้เอื้ออำนวยการเก็บอุปกรณ์ให้เราเท่าไร หลายๆ ครั้งที่เราพบว่ามีเนื้อที่เก็บอุปกรณ์ไม่เพียงพอ เราจึงหวังว่าใน Resident Evil 9 จะออกแบบระบบการจัดเก็บอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้มาให้
อ้างอิง: https://gamingbolt.com/7-things-we-dont-want-in-resident-evil-9
.
Comments